02 พฤศจิกายน 2552

พระมหาชนก

พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระมหาชนก
........ทรงบำเพ็ญวิริยบารมี
........พระเจ้าอริฏฐชนิกแห่งเมืองมิถิลา ทำสงครามพ่ายแพ้พระเจ้าโปลชนิกพระอนุชา และสวรรคตในที่รบ ขณะนั้นพระมเหสีทรงพระครรภ์ เสด็จลี้ภัยไปอยู่เมืองกาฬจัมปาก์ ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองมิถิลาถึง 5,120 กิโลเมตร
........พราหมณ์ทิศาปาโมกข์รับพระนางไปอยู่ด้วย พระนางประสูติพระโอรส และให้พระนามตามพระอัยกาว่า มหาชนก เมื่อพระมหาชนกเจริญพระชันษาขึ้นมักถูกเพื่อนๆ ล้อว่า เป็นเด็กกำพร้า พระมหาชนกทรงถามความเป็นจริงจากพระมารดา
........ครั้นรู้ความจริง พระองค์ตั้งพระทัยศึกษาศิลปวิทยาเพื่อกลับไปแก้แค้นแทนพระบิดา ต่อมา พระมหาชนกตัดสินพระทัยเดินทางไปเมืองมิถิลาโดยเดินทางค้าขายทางเรือไปพร้อมกับพ่อค้าคนอื่นๆ 700 ลำเรือแล่นมาได้ 3 วันก็เกิดพายุใหญ่ เรือทั้งหมดอับปางลง พ่อค้าคนอื่นๆ จมน้ำตายหรือไม่ก็ถูกปลาร้ายฮุบกิน
........ส่วนพระมหาชนกทรงปีนขึ้นบนเสากระโดง กำหนดทิศทางเมืองมิถิลาแล้วกระโดดไปตกไกลจากเรือจึงพ้นปลาร้าย พระองค์เพียรว่ายน้ำอยู่กลางทะเลถึง 7 วันก็ถึงวันอุโบสถพอดี พระองค์สมาทานศีล วันนั้นนางมณีเมขลาเทพธิดาผู้ตรวจดูทะเลเหาะมาพบเข้าเห็นพระมหาชนกมีความเชื่อมั่นในความเพียรพยายาม จึงสงสารอุ้มพาเหาะไปไว้ในอุทยานเมืองมิถิลา
........พระเจ้าโปลชนกประชวรสวรรคต เมืองมิถิลาจึงว่างกษัตริย์ มีเพียงพระธิดาสีวลี ปุโรหิตจึงทำพิธีเสี่ยงรถหาคู่ให้พระธิดา ราชรถวิ่งมาหยุดอยู่ที่พระมหาชนกซึ่งบรรทมหลับในอุทยาน ปุโรหิตและมหาชนกพร้อมใจกันอภิเษกให้พระมหาชนกเป็นกษัตริย์แห่งเมืองมิถิลา ทรงพระนามว่า พระเจ้ามหาชนก พระองค์ส่งอำมาตย์ไปรับพระมารดา และพราหมณ์ทิศาปาโมกข์มาอยู่ด้วยอย่างมีความสุข
........พระเจ้ามหาชนกทรงเห็นสัจธรรมจากต้นมะม่วง 2 ต้น ต้นหนึ่งมีผลดก อีกต้นหนึ่งมีกิ่งใบดก ต้นมะม่วงที่มีผลดกถูกเก็บผลจนกิ่งหักเสียหาย เหมือนความเป็นกษัตริย์ ส่วนต้นมะม่วงที่มีใบดกไม่มีผลไม่ได้รับอันตรายใดๆ เหมือนความเป็นนักบวช พระทัยของพระองค์มอบราชกิจให้แก่พระโอรสผู้มีพระนามว่า ทีฆาวุและอำมาตย์ส่วนพระองค์เสด็จออกผนวชเป็นนักบวช ไม่ว่าพระนางสีวลีและชาวเมืองจะขอร้องอย่างไรก็ตาม
.......ความพากเพียรนำไปสู่ความสำเร็จได้นั้นต้องเป็นความเพียรที่ประกอบด้วยความรักความเข้าใจและความมุ่งมั่นต่องานอย่างแท้จริง