02 พฤศจิกายน 2552

พระภูริทัต
........พระพุทธเจ้าเสวยพระชาติเป็นพระภูริทัต
........ทรงบำเพ็ญศีลบารมี

........พระนางสมุททชา พระธิดาของพระเจ้าพรหมทัต ได้อภิเษกกับพญานาคฐตรฐแห่งนาคพิภพ มีพระโอรส 4 พระองค์ คือ สุทัสสนกุมาร ทัตตกุมาร สุโภคกุมาร และอริฏฐกุมาร ทัตตกุมารฉลาดกว่าผู้อื่น บิดาจึงมอบหมายงานให้ทำมากกว่า คราวหนึ่งทัตตกุมารได้ติดตามพระบิดาและท้าววิรูปักษ์เข้าเฝ้าท้าวสักกเทวราช ทัตตกุมารได้แสดงความสามารถให้ท้าวกักกะโปรดปราน จึงตั้งชื่อให้ว่า ภูรทัตตกุมาร (พระกุมารผู้มีปัญญากว้างขวางดุจแผ่นดิน) ภูริทัตตกุมารหมั่นรักษาศีลเพราะรู้ว่าผลของการรักษาศีลจะได้เกิดเป็นเทพบนสวรรค์ ครั้งหนึ่งพระองค์ขออนุญาตพระบิดาพระมารดารักษาศีลบนโลกมนุษย์ พระองค์รักษาศีลอย่างเคร่งครัด อธิษฐานจิตไว้มั่นคงว่า หนัง เอ็น กระดูก เลือดเนื้อ หากผู้ใดต้องการก็จงเอาไปเถิด ไม่ปกป้อง ไม่หวง ยินดีสละให้ พรานเนื้อชาวเมืองพาราณสีสองพ่อลูก ออกล่าเนื้อมาถึงริมฝั่งแม่น้ำยมุนา ใกล้บริเวณที่ภูริทัตตกุมารจำศีลอยู่ เมื่อเห็นภูริทัตตกุมารก็เข้าไปสอบถาม พระภูริทัตบอกตามความจริงแล้วพาพรานทั้งสองไปเที่ยวเสวยสุขในนาคพิภพ เวลาผ่านไป 1 ปี พรานทั้งสอง ลาพระภูริทัตกลับโลกมนุษย์ ต่อมามีพราหมณ์คนหนึ่ง เรียนมนต์จับงูจากฤาษีตนหนึ่ง มนต์นั้นชื่อ มนต์อาลัมพายน์ คนทั่วไปจึงเรียกเขาว่า พราหมณ์อาลัมพายน์ อำนาจมนต์ช่วยให้ได้แก้ววิเศษจากพวกนางนาค พรานผู้เป็นพ่อเห็นเข้าจึงต้องการได้ จึงแลกเปลี่ยนด้วยการบอกที่รักษาศีลของพระภูริทัต และทรมานด้วยวิธีการต่างๆ พระภูริทัตไม่ยอมให้ความโกรธเกิดขึ้น เพราะต้องการรักษาศีล พราหมณ์อาลัมพายน์ได้นำพญานาคภูริทัตไปแสดงกลเรี่ยรายเงินได้จำนวนมาก พระนางสมุททชาทรงฝันร้าย และไม่เห็นพระภูริทัตมาเฝ้าดังเคย จึงแน่พระทัยว่าพระโอรสประสบภัย พระโอรสทั้งสามพระองค์รับอาสาออกติดตาม สุทัสสนกุมารแปลงตัวเป็นฤาษีติดตามไปจนพบพราหมณ์อาลัมพายน์กำลังเปิดแสดงที่ประตูพระราชวังพาราณสี พญานาคภูริทัตเห็นฤาษีแปลงก็เลื้อยเข้ามาซบ ร้องไห้แทบเท้าพี่ชาย โดยท้าให้สู้กับพิษของเขียดซึ่งเป็นนางนาคแปลง พิษร้ายนั้นได้ถูกผิวหนังพราหมณ์อาลัมพายน์จนกลายเป็นโรคเรื้อน เขาตกใจยอกปล่อยพญานาคภูริทัต สุทัสสนกุมารและพระภูริทัตเข้าเฝ้าพระเจ้าพาราณสี กราบทูลให้พระองค์ทรงทราบว่า เป็นพระโอรสของพระนางสมุททชาพระขนิษฐาของพระองค์ พระภูริทัตกลับไปพักรักษาพระองค์ แล้วได้กล่าวว่า พราหมณ์กับผู้ครองเรือนปุถุชนทั่วไปยังหมกมุ่นในกามคุณ ยังต้องการทรัพย์สิน ข้าว บ่าวไพร่ เหมือนกัน
........การทำความดีนั้นอาจมีอุปสรรคมาทดสอบแต่สุดท้ายก็จะประสบชัยชนะ